บันทึกการเรียนครั้งที่ 3
วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน 2556
-ในสัปดาห์นี้อาจารย์ได้สอนเนื้อหาต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว
เรื่อง เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกาย และสุขภาพ และ เรื่องเด็กที่มีความบกพร่องทางการพูด และ ภาษา
4. เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกาย และสุขภาพ (Children with Physical and Health Impairments) มีดังนี้ คือ
- เด็กที่มีอวัยวะไม่สมส่วน
- อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งหายไป
- มีปัญหาทางระบบประสาท
- มีความลำบากในการเคลื่อนไหว
เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกาย และสุขภาพ จำแนกได้เป็น 2 ประเภท
1.อาการบกพร่องทางร่างกาย
2.ความบกพร่องทางสุขภาพ
1.อาการบกพร่องทางร่างกาย
เด็กซีพี (Cerebral Palsy)
- เป็นอัมพาตเนื่องจากระบบประสาทสมองพิการ หรือ เป็นผลมาจากสมองที่กำลังพัฒนาถูกทำลายก่อนคลอด ระหว่างคลอด หรือหลังคลอด
- การเคลื่อนไหว การพูด พัฒนาการล่าช้า เด็กซีพีมีความบกพร่องที่เกิดจากส่วนต่างๆของสมองแตกต่างกัน
อาการของโรค
-อัมพาตเกร็งแขนขา หรือ ครึ่งซีก (Spastic)
-อัมพาตของลีลาการเคลื่อนไหวผิดปกติ (Athetoid)
-อัมพาตสูญเสียการทรงตัว (Ataxia)
-อัมพาตตึงแข็ง (Rigid)
-อัมพาตแบบผสม (Mixed)
กล้ามเนื้ออ่อนแรง (Muscular Distrophy)
-เกิดจากเส้นประสาทสมองที่ควบคุมกล้ามเนื้อ ส่วนนั้นๆ เสื่อมสลายตัว
-เดินไม่ได้ นั่งไม่ได้ นอนอยู่กับที่
-จะมีความพิการซ้อนในระยะหลัง คือ ความจำแย่ลง สติปัญญาเสื่อม
โรคทางระบบกระดูกกล้ามเนื้อ (Orthopedic)
คือ ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการแต่กำเนิด เช่น เท้าปุก (Club Foot)กระดูกข้อสะโพกเคลื่อน อัมพาตครึ่งท่อน เนื่องจากกระดูกไขสันหลังส่วนล่างไม่ติด (Spina Bifida)
-ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการด้วยโรคติดเชื้อ (Infection) เช่นวัณโรค กระดูก หลังโกง กระดูกผุ เป็นแผลเรื้อรังมีหนองเศษกระดูกผุ
-กระดูกหัก ข้อเคลื่อน ข้ออักเสบ
โปลิโอ (Poliomyelitis)
คือ มีอาการกล้ามเนื้อลีบเล็ก แต่ไม่มีผลกระทบต่อสติปัญญา
- ยืนไม่ได้ หรืออาจปรับสภาพให้ยืนเดินได้ด้วยอุปกรณ์เสริม
- แขนขาด้วนแต่กำเนิด ( Limb Deficiency)
โรคกระดูกอ่อน ( Osteogenesis Imperfeta )
2. ความบกพร่องทางสุภาพ
โรคลมชัก (Epilepsy)
เป็นลักษณะอาการที่เกิดเนื่องจากความผิดปกติของระบบสมอง
- ลมบ้าหมู (Grand Mal)
- เมื่อเกิดอาการชักจะทำให้หมดสติ และหมดความรู้สึก ในขณะชักกล้ามเนื้อเกร็งหรือแขนขากระตุก กัดฟัน กัดลิ้น
- การชักในช่วงเวลาสั้นๆ (Petit Mal)
- มีอาการ ชักชั่วระยะสั้นๆ5-10 วินาที
- เมื่อเกิดอาการชักเด็กจะหยุดชะงัก ในท่าก่อนชัก
- เด็กจะนั่งเฉย หรือเด็กอาจจะตัวสั่นเล็กน้อย
- การชักแบบรุนแรง ( Grand Mal)
- เมื่อเกิดอาการชัก เด็กจะส่งเสียง หมดความรู้สึก ล้มลง กล้ามเนื้อเกร็ง เกิดขึ้นราวๆ 2-5 นาที จากนั้นจะหาย และ นอนหลับไปชั่วครู่
- อาการชักแบบ (Partial Complex)
- เกิดอาการเป็นระยะๆ
- กัดริมฝีปาก ไม่รู้สึกตัว ถูตามแขนขา เดินไปมา
- บางคนอาจเกิดความโกรธ หรือโมโห หลังชักอาจจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ และต้องการนอนพัก
- อาการแบบไม่รู้ตัว (Focal Partial)
- เป็นอาการที่เกิดขึ้นในระยะสั้น เด็กไม่รู้สึกตัว อาจทำอะไรบางอย่างโดยที่ตัวเองไม่รู้ เช่น ร้องเพลง ดึงเสื้อผ้า เดินเหม่อลอย แต่ไม่มีอาการชัก
โรคอื่นๆ ได้แก่ โรคระบบทางเดินหายใจ โรคเบาหวาน โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคศรีษะโต โรคหัวใจ โรคมะเร็ง เลือดไหลไม่หยุด เป็นต้น
ลักษณะของเด็กบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
-มีปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัว
-ท่าเดินคล้ายกรรไกร
-เดินขากะเผลก หรือ อึดอาดเชื่องช้า
-ไอเสียงแห้งบ่อยๆ
-มักบ่นเจ็บหน้าอก บ่นปวดหลัง
-หน้าแดงง่าย มีสีเขียวจางบนแก้ม ริมฝีปาก หรือ ปลายนิ้ว
-หกล้มบ่อยๆ
-หิวและกระหายน้ำอย่างเกินกว่าเหตุ
5.เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูด และภาษา (Children with Speech and Language Disorders)
เด็กที่พูดไม่ชัด ออกเสียงผิดเพี้ยน อวัยวะที่ใช้ในการพูดไม่สามารถเป็นไปตามลำดับขั้น การใช้อวัยวะเพื่อการพูดไม่เป็นไปดังตั้งใจ มีอากัปกิริยาที่ผิดปกติขณะพูด
1.ความผิดปกติด้านการออกเสียง
-ออกเสียงผิดเพี้ยนไปจากมาตรฐานของภาษาเดิม
-เพิ่มหน่วยเสียงเข้าในคำโดยไม่จำเป็น
-เอาเสียงหนึ่งมาแทนอีกเสียงหนึ่ง เช่น กวาด เป็นฟาด
2.ความผิดปกติด้านจังหวะเวลาของการพูด เช่น การพูดรัว การพูดติดอ่าง
3.ความผิดปกติด้านเสียง
-ระดับเสียง
-ความดัง
-คุณภาพของเสียง
4.ความผิดปกติทางการพูด และภาษาอันเนื่องมาจาก พยาธิ สภาพที่สมอง โดยทั่วไปเรียกว่า (Dysphasia หรือ aphasia) มีดังนี้
4.1 Motor aphasia
-เด็กที่เข้าใจคำถาม หรือคำสั่ง แต่พูดไม่ได้ ออกเสียงลำบาก
-พูดช้าๆพอพูดตามได้บ้างเล็กน้อย บอกชื่อสิ่งของพอได้
-พูดไม่ถูกไวยากรณ์
4.2 Wernicke 's apasia
-เด็กที่ไม่เข้าใจคำถาม หรือคำสั่งได้ยินแต่ไม่เข้าใจ ความหมาย
-ออกเสียงไม่ติดขัด แต่มักใช้คำผิดๆ หรือใช้คำอื่นซึ่งไม่มีความหมายมาแทน
4.3 Conduction aphasia
-เด็กที่ออกเสียงได้ไม่ติดขัด เข้าใจคำถามดี แต่พูดตาม หรือ บอกชื่อสิ่งของไม่ได้ มักเกิดร่วมไปกับอัมพาตของร่างกายซีกขวา
4.4 Nominal aphasia
-เด็กที่ออกเสียงได้ เข้าใจคำถามดี พูดตามได้ แต่บอกชื่อวัตุไม่ได้เพราะลืมชื่อ บางทีก็ไม่เข้าใจความหมายของคำ มักเกิด ร่วมไปกับ Gerstmann's syndrome
4.5 Global aphasia
-เด็กที่ไม่เข้าใจทั้งภาษาพูด และภาษาเขียน
-พูดไม่ได้เลย
4.6 Sensory agraphia
-เด็กที่เขียนเองไม่ได้ เขียนตอบคำถาม หรือ เขียนชื่อวัตถุ ก็ ไม่ได้ มักเกิดร่วมกับ Gerstmann's syndrome
4.7 Motor agraphia
-เด็กที่ลอกตัวเขียน หรือ ตัวพิมพ์ ไม่ได้
-เขียนตามคำบอกไมได้
4.8 Cortical alexia
-เด็กที่อ่านไม่ออก เพราะไม่เข้าใจภาษา
4.9 Motor alexia
-เด็กที่เห็นตัวเขียนหรือตัวพิมพ์ เข้าใจความหมาย แต่อ่านออกเสียงไม่ได้
4.10 Gerstmann's syndrome
-ไม่รู้ชื่อนิ้ว (Finger agnosia)
-ไม่รู้ชี้ซ้ายขวา (Allochiria)
-คำนวณไม่ได้ (Acalculia)
-เขียนไม่ได้ (Agraphia)
-อ่านไม่ออก(Alexia)
4.11 Visual agnosia
-เด็กที่มองเห็นวัตถุ แต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร บางทีบอกชื่อนิ้วตัวเองไม่ได้
4.12 Auditory agnosia
- เด็กที่ไม่มีความบกพร่องทางการได้ยิน แต่แปลความหมายของคำ หรือประโยคที่ได้ยินไม่เข้าใจ
ลักษณะของเด็กบกพร่องทางการพูดและภาษา
-ในวัยทารกมักเงียบผิดธรรมชาติ ร้องไห้เบาๆ และอ่อนแรง
-ไม่อ้อแอ้ภายในอายุ 10เดือน
-ไม่พูดภายในอายุ 2ขวบ
-หลัง 3 ขวบ แล้วภาษาพูดของเด็กก็ยังฟังเข้าใจยาก
-ออกเสียงตัวสะกดไม่ได้
-หลัง 5 ขวบ เด็กยังคงใช้ภาษาที่เป็นประโยคไม่สมบูรณ์ในระดับประถาศึกษา
-มีปัญหาในการสื่อความหมาย พูดตะกุกตะกัก
-ใช้ท่าทางในการสื่อความหมาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น